1. ยุคของแผนกสถิติและทะเบียน (พ.ศ. 2486 – 2505) เมื่อแรกเริ่มก่อตั้งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2486 ยังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบ งานทะเบียนนิสิตโดยตรง แต่ละคณะจะรับผิดชอบในการลงทะเบียนเรียนของนิสิต การออกเกรด การออก Transcript ของนิสิตคณะตัวเอง แต่จะมีหน่วยงานกลางที่ทำหน้าที่บันทึกทะเบียนประวัตินิสิตโดยเป็นผู้ออกเลขประจำตัวนิสิต บันทึกการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล บันทึกการลาออก และการสำเร็จการศึกษาของนิสิตแต่ละคน หน่วยงานนี้ คือ แผนกสถิติและทะเบียน สังกัดสำนักงานเลขานุการกรมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันก็คือ สำนักงานอธิการบดี หน่วยงานนี้จะรับผิดชอบในการบันทึกประวัติของข้าราชการด้วย ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นแผนกประมวลสถิติและชีวประวัติในปี พ.ศ. 2505 แต่ยังคงทำหน้าที่ทั้งงานทะเบียนบุคลากรและงานทะเบียนนิสิตควบคู่กันไป แต่การดำเนินงานเกี่ยวกับการเรียนการสอน การออกใบรับรองต่าง ๆ ยังคงดำเนินการอยู่ที่คณะที่นิสิตสังกัด คณบดีเป็นผู้ลงนามในใบรับรองต่าง ๆ แต่การลงนามใน Transcript จะมีนายทะเบียน (Registrar) ของมหาวิทยาลัยเป็นผู้ลงนาม นายทะเบียนที่มหาวิทยาลัยแต่งตั้งได้แก่ ศาสตราจารย์จินดา เทียมเมธ (อดีตคณบดีคณะประมง) ศาสตราจารย์ ดร.ไพฑูรย์ อิงคสุวรรณ (อดีตอาจารย์คณะกสิกรรมและสัตวบาลและอดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) ยุคของกองบริการการศึกษานี้เป็นช่วงที่มีการปรับปรุงระบบการลงทะเบียนครั้งใหญ่ มีการปรับปรุงรหัสวิชาจากเดิมที่เป็นภาษาไทย เช่น กีฏวิทยา 111 มาเป็น ENTO 111 เพื่อรองรับการลงทะเบียนด้วยระบบคอมพิวเตอร์ มีการจัดทำใบกรอกคะแนนเพื่อบันทึกด้วยระบบคอมพิวเตอร์ มีการจัดทำ Student Grade Report รายบุคคล มีการรับชำระเงินค่าลงทะเบียนเรียนผ่านธนาคาร โดยมีธนาคารทหารไทย เป็นธนาคารแรกที่เข้ามาเป็นผู้รับชำระค่าธรรมเนียมการศึกษา เมื่อมีการแต่งตั้งผู้อำนวยการกองบริการการศึกษาแล้ว ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่มีการแต่งตั้ง นายทะเบียนอีก โดยหัวหน้ากองบริการการศึกษาได้ทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนแทน ตั้งแต่ พ.ศ. 2519 ในช่วงของกองบริการการศึกษาก่อนที่จะแยกมาเป็นสำนักทะเบียนและประมวลผล มีผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองบริการการศึกษา (ต่อมาเปลี่ยนชื่อตำแหน่งเป็น ผู้อำนวยการกองบริการการศึกษา ) ดังนี้คือ 2. ยุคของสำนักงานทะเบียน (Office of the Registrar) พ.ศ. 2515 – 2519 ในปี พ.ศ. 2515 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ตั้งสำนักงานทะเบียน (Office of the Registrar) ขึ้นมาเป็นการภายใน โดยยังไม่เป็นส่วนราชการ และแยกงานทะเบียนนิสิตออกจากงานทะเบียนของบุคลากร โดยมีสำนักงานอยู่ที่ชั้นบนของอาคารสุวรรณวาจกกสิกิจ (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของที่ทำการไปรษณีย์บางเขน) ทั้งนี้ได้โอนงานทะเบียนนิสิตที่อยู่ตามคณะต่าง ๆ มาอยู่ภายใต้หน่วยงานใหม่นี้ โดยโอนเฉพาะเอกสารของนิสิตที่เข้าศึกษาตั้งแต่ปีการศึกษา 2515 เป็นต้นมาเก็บที่หน่วยงานนี้ สำนักงานทะเบียน ในปี พ.ศ. 2515 มีอาจารย์ประทีป นุทกาญจนกุล ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นนายทะเบียน (Registrar) อาจารย์ปริญญา แย้มศิริ อาจารย์เผดิม ระติสุนทร อาจารยรรยง บุญหลง เป็นผู้ช่วยนายทะเบียน มีนางสาวพรพิมล สันติหิรัญภาค เป็นข้าราชการประจำหน่วยงานเพียงคนเดียวในขณะนั้น นอกนั้นเป็นบุคลากรที่ยืมตัวมาจากคณะต่าง ๆ 3. ยุคของกองบริการการศึกษา (พ.ศ. 2519 – 2534) กองบริการการศึกษา ได้จัดตั้งขึ้นเป็นหน่วยงานใหม่ สังกัด สำนักงานอธิการบดี ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2519 เพื่อรองรับจำนวนนิสิตและคณะสาขาวิชาต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยโอนงานทั้งหมดของงานทะเบียนนิสิต (Office of the Registrar) มาสังกัด กองบริการการศึกษา และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้แต่งตั้ง ดร.สำอาง ศรีนิลทา เป็นหัวหน้ากองบริการการศึกษา เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2520 โดยมีรองศาสตราจารย์มนัส สุจวิพันธ์ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์กระจ่าง วิสุทธารมณ์ เป็นผู้ช่วยหัวหน้ากองบริการการศึกษา และกำหนดให้กองบริการการศึกษาย้ายไปยังอาคาร ตึก 1 ซึ่งเดิมเป็นหอพักนิสิตชายและได้ทำการปรับปรุงใหม่เพื่อรองรับการเป็นสำนักงานของ กองบริการการศึกษา และสำนักบริการคอมพิวเตอร์ โดยสำนักบริการคอมพิวเตอร์ใช้เฉพาะพื้นที่ชั้นล่าง ปีกขวาด้านติดกับกองกิจการนิสิต ที่เหลือเป็นพื้นที่ของกองบริการการศึกษา ต่อมาสำนักบริการคอมพิวเตอร์ ได้ก่อสร้างห้องคอมพิวเตอร์เพิ่มเติมด้านหลังอาคาร เพื่อติดตั้งคอมพิวเตอร์ mainframe ยี่ห้อ PRIME เครื่องแรกของมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยได้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ PRIME นี้ในการลงทะเบียนเรียนของนิสิตในปีการศึกษา 2522 เป็นต้นมา ในปี พ.ศ. 2521 เป็นปีที่มีการเตรียมการขยายการศึกษาไปยังวิทยาเขตกำแพงแสน โดยมีเป้าหมายเคลื่อนย้ายนิสิตคณะเกษตร ปี 3 – 4 ยกเว้นสาขาคหกรรมศาสตร์ นิสิตคณะสัตวแพทยศาสตร์ ปี 5 – 6 นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ ปี 3 – 4 สาขาเศรษฐศาสตร์เกษตร และนิสิต ปี 3 – 4 สาขาศึกษาศาสตร์ – เกษตร คณะศึกษาศาสตร์ ไปเรียนที่กำแพงแสน โดยเริ่มการเรียนการสอนในภาคปลาย ปีการศึกษา 2522 จึงมีการแต่งตั้ง ผู้ช่วยหัวหน้ากองบริการการศึกษา เพื่อปฏิบัติงานที่กำแพงแสน คือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พัทรา ประดิษฐวณิช์ เป็นผู้ช่วยหัวหน้ากองประจำที่วิทยาเขตกำแพงแสน เมื่อมีการตั้งกองบริการการศึกษา (กำแพงแสน) ขึ้นมา ภายหลังจึงแต่งตั้งผู้อำนวยการกองบริการการศึกษา (กำแพงแสน) โดยตรง ในช่วงปลายของกองบริการการศึกษา มีการปรับระบบการลงทะเบียนเรียนครั้งใหญ่ คือ การปรับรหัสวิชาซึ่งเดิมมีตัวอักษรกับตัวเลข (ตัวอักษร A, B, C, D ไม่เกิน 8 ตัวอักษร และตัวเลข 3 หลัก) มาเป็นตัวเลขทั้งหมด 6 หลัก และมีการทดลองใช้เครื่องอ่านหมาย (Optical Mark Reader) ในการอ่านบัตรลงทะเบียนเรียนในภาคฤดูร้อน พ.ศ. 2534 และเปลี่ยนมาเป็นระบบลงทะเบียนเรียนแบบบันทึกข้อมูลต่อหน้านิสิตด้วยระบบคอมพิวเตอร์ในปีการศึกษา 2534 4. ยุคของสำนักทะเบียนและประมวลผล (พ.ศ. 2535 – 2562) ในปีการศึกษา 2533 เป็นปีที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีนิสิตที่วิทยาเขตบางเขนเกินหมื่นคนแล้ว เมื่อรวมกับนิสิตวิทยาเขตกำแพงแสน จะมีนิสิตมากถึง 13,000 คน มีจำนวนหลักสูตรเพิ่มขึ้นจากเดิมจำนวนมาก ทั้งหลักสูตรภาคปกติและภาคพิเศษ มีจำนวนรายวิชาที่เปิดสอนจำนวนมากถึง 4,000 รายวิชาต่อปี ทางมหาวิทยาลัยจึงเห็นสมควรที่จะยกฐานะกองบริการการศึกษา มาเป็น สำนักทะเบียนและประมวลผล (Office of the Registrar) มีฐานะเทียบเท่าคณะวิชา เพื่อความคล่องตัวในการบริหารงาน จึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.ชิตาภา เกตวัลห์ เป็นประธานคณะทำงานจัดตั้งสำนักทะเบียนและประมวลผล และผลสรุปสุดท้ายมหาวิทยาลัยเห็นชอบให้ดำเนินการได้ แต่เสนอเป็นโครงการใหม่ที่แยกงานทะเบียนและสถิตินิสิตออกจากกองบริการการศึกษา มาเป็น สำนักทะเบียนและประมวลผล ส่วนกองบริการการศึกษายังคงอยู่ แต่ปรับปรุงโครงสร้างใหม่ โดยให้สำนักทะเบียนและประมวลผลมีภาระงานตามโครงสร้างใหม่ แบ่งเป็น 5 ฝ่าย ได้แก่ 1. ฝ่ายบริหารและธุรการ 2. ฝ่ายรับเข้าศึกษา 3. ฝ่ายทะเบียนและสถิติการศึกษา 4. ฝ่ายการเรียนการสอนและการสอบ 5. ฝ่ายคอมพิวเตอร์และช่วยระบบการศึกษา ส่วนกองบริการการศึกษาให้แบ่งออกเป็น 5 งาน ได้แก่ 1. งานธุรการ 2. งานทะเบียนและสถิติ 3. งานพัฒนาหลักสูตรและการสอน 4. งานส่งเสริมตำรา 5. งานบริการทางวิชาการ อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับการอนุมัติให้แบ่งส่วนราชการเป็นสำนักทะเบียนและประมวลผล ในปี พ.ศ. 2535 นั้นเป็นช่วงที่รัฐบาลมีนโยบายไม่ให้ขยายงานส่วนราชการ จึงได้รับอนุมัติให้เป็นหน่วยงาน ในระดับคณะแต่ไม่ให้มีการแบ่งส่วนราชการเป็นฝ่ายต่าง ๆ เช่นเดียวกันกับสำนักพิพิธภัณฑ์และวัฒนธรรมการเกษตร และสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งตั้งขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ช่วงของการขอจัดตั้งสำนักทะเบียนและประมวลผล ในส่วนของการติดต่อประสานงานกับทบวงมหาวิทยาลัย ขออัตรากำลัง ครุภัณฑ์ต่าง ๆ เป็นช่วงที่ มล.รักเกียรติ ศุขสวัสดิ์ เป็นหัวหน้า กองบริการการศึกษา จึงมีภาระงานที่ค่อนข้างมากในการติดต่อประสานงาน การจัดแบ่งบุคลากร แบ่งครุภัณฑ์และทำคำขออัตราใหม่ของสำนัก ซึ่งสามารถดำเนินการได้เสร็จทันก่อนจะมีการแบ่งแยกส่วนงานอย่างเป็นทางการ และในที่สุดสำนักทะเบียนและประมวลผลก็ได้รับการอนุมัติตามประกาศทบวงมหาวิทยาลัย ฉบับที่ 14 พ.ศ. 2535 ประกาศ ณ วันที่ 18 กันยายน 2535 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 104 ลงวันที่ 30 กันยายน 2535 ให้สำนักทะเบียนและประมวลผลเป็นส่วนราชการในลำดับที่ 21 ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่ในช่วงดังกล่าวการปฏิบัติงานยังอยู่ในการกำกับดูแลของกองบริการการศึกษาอยู่ เนื่องจากมหาวิทยาลัยอยู่ในช่วงของการสรรหาผู้อำนวยการสำนักทะเบียนและประมวลผล แต่ก็ได้มีการแบ่งบุคลากร ครุภัณฑ์ ระหว่างสำนักทะเบียนและประมวลผลกับกองบริการการศึกษา เสร็จเรียบร้อยแล้ว จนกระทั่งสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้แต่งตั้งให้รองศาสตราจารย์บพิธ จารุพันธุ์ ข้าราชการ สังกัดภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักทะเบียนและประมวลผล ในวันที่ 16 มีนาคม 2536 เป็นต้นไป โดยให้มีวาระในการดำรงตำแหน่ง 4 ปี หลักจากนั้นกองบริการการศึกษาก็ได้ย้ายไปอยู่ที่อาคารสารนิเทศ 50 ปี รวมกับกองต่าง ๆ ที่สังกัดสำนักงานอธิการบดี โดยมี คุณจันทร์ฉาย แย้มศิริ เจ้าหน้าที่ของกองบริการการศึกษา ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ผู้อำนวยการกองบริการการศึกษา สืบต่อจาก มล.รักเกียรติ ศุขสวัสดิ์ การดำเนินงานของสำนักทะเบียนและประมวลผล ส่วนใหญ่จะเป็นการปรับปรุงระบบการลงทะเบียนเรียน ซึ่งได้ร่วมมือกับสำนักบริการคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่องในการจัดหาครุภัณฑ์ที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในระบบงานทะเบียนนิสิต และมีการหารายได้จากการรับเป็นศูนย์สอบ สนามสอบ ของการสอบ Entrance สอบวัดความรู้ สอบ GAT-PAT A-NET O-NET และรับงานบริการวิชาการด้านการจัดสอบครบวงจร ตั้งแต่ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสำนักทะเบียนและประมวลผล มีผู้บริหารที่ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสำนักทะเบียนและประมวลผล 4 คน คือ จากการขยายตัวของงานด้านทะเบียนนิสิต อันเนื่องมาจากจำนวนนิสิตที่เพิ่มขึ้น และโครงการพิเศษในทุกระดับการศึกษาที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้อาคาร ตึก 1 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่เพียงพอที่จะรองรับการให้บริการ ประกอบกับอายุของอาคารเดิมซึ่งสร้างในปี 2498 มีลักษณะเสื่อมสภาพ ไม่สามารถที่จะใช้สอยต่อไปอย่างปลอดภัยได้ ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จึงให้ความสนับสนุนในการสร้างอาคารหลังใหม่ ด้านหลังของอาคารเดิม เป็นอาคารที่มีความสวยงาม มีพื้นที่ใช้สอยพอเพียง และมีหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเกี่ยวกับนิสิตมาอยู่ในอาคารเดียวกัน และอาคารหลังนี้ยังได้รับการอนุญาตให้ใช้ชื่อว่า อาคารระพีสาคริก อันเป็นมงคลนามอย่างยิ่ง เนื่องจากท่านศาสตราจารย์ระพี สาคริก อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ท่านเป็นผู้ที่นิสิตในขณะนั้น เคารพรัก และเรียกว่า คุณพ่อหรืออาจารย์พ่อ ท่านคลุกคลีใกล้ชิดกับนิสิตอย่างเป็นกันเอง ไม่ว่าจะเป็นงานของค่ายอาสาพัฒนานิสิต การกิจการนิสิตทุกกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นดนตรี กีฬาและอื่น ๆ นายระพีสาคริก อาคารหลังใหม่ของสำนักทะเบียนและประมวลผลจึงเป็นสิ่งที่สร้างความภาคภูมิใจแก่ชาวสำนักทะเบียนและประมวลผลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนิสิตตลอดไป มติที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ครั้งที่ 7/2556 วันที่ 29 กรกฎาคม 2556 มีมติให้โอนย้ายกองบริการการศึกษา ศูนย์การศึกษานานาชาติ และศูนย์วิชาบูรณาการหมวดวิชาศึกษาทั่วไป รวมถึงทรัพยากรที่มีจากเดิมสังกัดสำนักงานอธิการบดี มาสังกัดสำนักทะเบียนฯ โดยแบ่งโครงสร้างภายในออกเป็น 1 สำนัก และ 4 ฝ่าย ประกอบด้วย – สำนักงานเลขานุการสำนักทะเบียนและประมวลผล – ฝ่ายทะเบียนและประมวลผลการศึกษา – ฝ่ายบริการการศึกษา – ฝ่ายการศึกษานานาชาติ – ฝ่ายวิชาบูรณาการหมวดวิชาศึกษาทั่วไป 5. ยุคของสำนักบริหารการศึกษา (2562 – ปัจจุบัน) สำนักทะเบียนและประมวลผล ได้มีการปรับโครงสร้างใหม่ เพื่อความสอดคล้องกับภารกิจของแต่ละฝ่าย และเพื่อรองรับการบริหารจัดการในเชิงรุกของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศและการก้าวสู่ประเทศไทย 4.0 รวมทั้งเพื่อรองรับการขยายตัวของการพัฒนางานทางด้านวิชาการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยในปี พ.ศ. 2562 สภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในการประชุมครั้งที่ 8/2562 เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2562 มีมติเห็นชอบให้ เปลี่ยนชื่อ จาก “สำนักทะเบียนและประมวลผล” เป็น “สำนักบริหารการศึกษา (Office of Educational Administration : OEA)” มีชื่อย่อว่า “สบศ.” และ ปรับโครงสร้างองค์กรตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไปโดยแบ่งโครงสร้างภายใน ออกเป็น 1 สำนักงานและ 7 ฝ่าย ประกอบด้วย 1) สำนักงานเลขานุการ ประกอบด้วย 2 งาน ได้แก่ 2) ฝ่ายรับสมัครและพัฒนาการรับเข้าศึกษา ประกอบด้วย 2 งาน ได้แก่ 3) ฝ่ายทะเบียนและบริการนิสิตแบบเบ็ดเสร็จ ประกอบด้วย 2 งาน ได้แก่ 4) ฝ่ายบริการการเรียนการสอน ประกอบด้วย 2 งาน ได้แก่ 5) ฝ่ายมาตรฐานการศึกษา ประกอบด้วย 2 งาน ได้แก่ 6) ฝ่ายส่งเสริมการศึกษาและเทคโนโลยี ประกอบด้วย 2 งาน ได้แก่ 7) ฝ่ายการศึกษานานาชาติ ประกอบด้วย 1 งาน ได้แก่ 8) ฝ่ายบริการวิชาศึกษาทั่วไป ประกอบด้วย 1 งาน ได้แก่ และเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2565 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีประกาศ เรื่อง โครงการจัดตั้งวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นไปตามมติสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการประชุมครั้งที่ 3/2565 วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2565 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2565 จึงเป็นเหตุให้สำนักบริหารการศึกษา มีโครงสร้างภายในคงอยู่ คือ 1 สำนักงาน และ 6 ฝ่าย ประกอบด้วย 1) สำนักงานเลขานุการ 2) ฝ่ายรับสมัครและพัฒนาการรับเข้าศึกษา 3) ฝ่ายทะเบียนและบริการนิสิตแบบเบ็ดเสร็จ 4) ฝ่ายบริการการเรียนการสอน 5) ฝ่ายมาตรฐานการศึกษา 6) ฝ่ายส่งเสริมการศึกษาและเทคโนโลยี 7) ฝ่ายบริการวิชาศึกษาทั่วไป การดำเนินงานของสำนักบริหารการศึกษา เป็นไปเพื่อการสนับสนุนการเรียนการสอนในการเป็นศูนย์กลางบริการทางการศึกษาของมหาวิทยาลัย และให้บริการวิชาการที่ตอบสนองความต้องการบริการทางการศึกษาของสังคม ทั้งในระดับชุมชนและระดับชาติ โดยมี ดร.นีรนุช ภาชนะทิพย์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักบริหารการศึกษา ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 ถึง 25 กันยายน 2568 โดยปัจจุบัน ดร.จิตติ นิรมิตรานนท์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักบริหารการศึกษา ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2568 ถึงปัจจุบัน

1.
ดร.สำอาง ศรีนิลทา
17 พ.ย. 2520 – 12 พ.ค. 2521
2.
ดร.วิชา สุขกิจ
2 พ.ค. 2523 – 20 มิ.ย. 2531
3.
รองศาสตราจารย์บพิธ จารุพันธ์
20 มิ.ย. 2531 – 12 ก.ค. 2533
4.
ศาสตราจารย์ ดร.ศุภมาศ พนิชศักดิ์พัฒนา
12 ก.ค. 2533 – 1 ก.พ. 2534
5.
มล.รักเกียรติ ศุขสวัสดิ์
พ.ศ. 2534 – 2536










